Search this site
Embedded Files
สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา YANNAWA METROPOLITAN POLICE STATION
  • หน้าแรก
  • ข้อมูลพื้นฐาน
    • ประวัติ สน.ยานนาวา
    • โครงสร้างสถานีตำรวจ
    • ข้อมูลผู้บังคับบัญชา
    • กต.ตร.สน.ยานนาวา
    • วิสัยทัศน์และพันธกิจ
  • ติดต่อ
    • สอบถามความคืบหน้าการดำเนินคดี
  • ถามตอบ Q&A
  • E-Service
  • ITA
    • ITA2568
      • O1 โครงสร้างและอำนาจหน้าที่ 68
      • O2 ข้อมูลผู้บริหาร อัตรากำลังและพื้นที่รับผิดชอบ 68
      • O3 กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 68
      • O4 ข้อมูลคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ(กต.ตร.)ของสถานีตำรวจ68
      • O5 ข้อมูลการติดต่อและช่องทางการถาม-ตอบ/รับฟังความคิดเห็น 68
      • O6 การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร 68
      • O7 ผลการปฏิบัติงานของแต่ละสายงาน 68
      • O8 คู่มือการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่ 68
      • O9 คู่มือการให้บริการประชาชน 68
      • O10 E-Service 68
      • O11 สถิติผลการดำเนินงาน68
      • O12 แผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีและรายงานผล 68
      • O13 ข้อมูลเงินกองทุนเพื่อการสืบสวน สอบสวน การป้องกันและปราบปราม 68
      • O14 ประกาศต่างๆ เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง 68
      • O15 สรุปผลการจัดซื้อจัดจ้างรายเดือน 68
      • O16 หลักเกณฑ์การบริการและพัฒนากำลังพล 68
      • O17 ช่องทางการแจ้งเรื่องร้องเรียนการทุจริตและข้อมูลสถิติเรื่องร้องเรียน 68
      • O18 ประกาศนโยบายต่อต้านการรับสินบน(Anit-Bribery Policy) 68
      • O19 การมีส่วนร่วมของหัวหน้าสถานีตำรวจ 68
      • O20 การประเมินความเสี่ยงต่อการรับสินบน 68
      • O21 การรายงานผลการดำเนินการเพื่อจัดการความเสี่ยงต่อการรับสินบน 68
      • O22 คู่มือหรือแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม 68
      • O23 การจัดการทรัพย์สินของราชการ ของบริจาค การจัดเก็บของกลางและการรายงานผล68
      • O24 มาตรการการยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใส ภายในหน่วยงาน 68
      • O25 การรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการการยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใสภายใน68
สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา YANNAWA METROPOLITAN POLICE STATION
  • หน้าแรก
  • ข้อมูลพื้นฐาน
    • ประวัติ สน.ยานนาวา
    • โครงสร้างสถานีตำรวจ
    • ข้อมูลผู้บังคับบัญชา
    • กต.ตร.สน.ยานนาวา
    • วิสัยทัศน์และพันธกิจ
  • ติดต่อ
    • สอบถามความคืบหน้าการดำเนินคดี
  • ถามตอบ Q&A
  • E-Service
  • ITA
    • ITA2568
      • O1 โครงสร้างและอำนาจหน้าที่ 68
      • O2 ข้อมูลผู้บริหาร อัตรากำลังและพื้นที่รับผิดชอบ 68
      • O3 กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 68
      • O4 ข้อมูลคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ(กต.ตร.)ของสถานีตำรวจ68
      • O5 ข้อมูลการติดต่อและช่องทางการถาม-ตอบ/รับฟังความคิดเห็น 68
      • O6 การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร 68
      • O7 ผลการปฏิบัติงานของแต่ละสายงาน 68
      • O8 คู่มือการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่ 68
      • O9 คู่มือการให้บริการประชาชน 68
      • O10 E-Service 68
      • O11 สถิติผลการดำเนินงาน68
      • O12 แผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีและรายงานผล 68
      • O13 ข้อมูลเงินกองทุนเพื่อการสืบสวน สอบสวน การป้องกันและปราบปราม 68
      • O14 ประกาศต่างๆ เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง 68
      • O15 สรุปผลการจัดซื้อจัดจ้างรายเดือน 68
      • O16 หลักเกณฑ์การบริการและพัฒนากำลังพล 68
      • O17 ช่องทางการแจ้งเรื่องร้องเรียนการทุจริตและข้อมูลสถิติเรื่องร้องเรียน 68
      • O18 ประกาศนโยบายต่อต้านการรับสินบน(Anit-Bribery Policy) 68
      • O19 การมีส่วนร่วมของหัวหน้าสถานีตำรวจ 68
      • O20 การประเมินความเสี่ยงต่อการรับสินบน 68
      • O21 การรายงานผลการดำเนินการเพื่อจัดการความเสี่ยงต่อการรับสินบน 68
      • O22 คู่มือหรือแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม 68
      • O23 การจัดการทรัพย์สินของราชการ ของบริจาค การจัดเก็บของกลางและการรายงานผล68
      • O24 มาตรการการยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใส ภายในหน่วยงาน 68
      • O25 การรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการการยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใสภายใน68
  • More
    • หน้าแรก
    • ข้อมูลพื้นฐาน
      • ประวัติ สน.ยานนาวา
      • โครงสร้างสถานีตำรวจ
      • ข้อมูลผู้บังคับบัญชา
      • กต.ตร.สน.ยานนาวา
      • วิสัยทัศน์และพันธกิจ
    • ติดต่อ
      • สอบถามความคืบหน้าการดำเนินคดี
    • ถามตอบ Q&A
    • E-Service
    • ITA
      • ITA2568
        • O1 โครงสร้างและอำนาจหน้าที่ 68
        • O2 ข้อมูลผู้บริหาร อัตรากำลังและพื้นที่รับผิดชอบ 68
        • O3 กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 68
        • O4 ข้อมูลคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ(กต.ตร.)ของสถานีตำรวจ68
        • O5 ข้อมูลการติดต่อและช่องทางการถาม-ตอบ/รับฟังความคิดเห็น 68
        • O6 การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร 68
        • O7 ผลการปฏิบัติงานของแต่ละสายงาน 68
        • O8 คู่มือการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่ 68
        • O9 คู่มือการให้บริการประชาชน 68
        • O10 E-Service 68
        • O11 สถิติผลการดำเนินงาน68
        • O12 แผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีและรายงานผล 68
        • O13 ข้อมูลเงินกองทุนเพื่อการสืบสวน สอบสวน การป้องกันและปราบปราม 68
        • O14 ประกาศต่างๆ เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง 68
        • O15 สรุปผลการจัดซื้อจัดจ้างรายเดือน 68
        • O16 หลักเกณฑ์การบริการและพัฒนากำลังพล 68
        • O17 ช่องทางการแจ้งเรื่องร้องเรียนการทุจริตและข้อมูลสถิติเรื่องร้องเรียน 68
        • O18 ประกาศนโยบายต่อต้านการรับสินบน(Anit-Bribery Policy) 68
        • O19 การมีส่วนร่วมของหัวหน้าสถานีตำรวจ 68
        • O20 การประเมินความเสี่ยงต่อการรับสินบน 68
        • O21 การรายงานผลการดำเนินการเพื่อจัดการความเสี่ยงต่อการรับสินบน 68
        • O22 คู่มือหรือแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม 68
        • O23 การจัดการทรัพย์สินของราชการ ของบริจาค การจัดเก็บของกลางและการรายงานผล68
        • O24 มาตรการการยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใส ภายในหน่วยงาน 68
        • O25 การรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการการยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใสภายใน68
  • การแจ้งเหตุ หรือการแจ้งข่าวอาชญากรรม

  • การแจ้งเหตุ

  ประชาชนสามารถให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ด้วยการช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องพบเห็นเหตุร้ายหรือพฤติกรรมมีพิรุธน่าสงสัย  เข้าข่ายอาชญากรรมประเภทต่างๆ เช่น ลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฯลฯ  ตลอดจนอุบัติเหตุร้ายแรงที่ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักสำคัญในการคลายทุกข์ร้อนของประชาชน


  วิธีการแจ้งข่าวอาชญากรรม  สามารถกระทำได้  ดังนี้

  1.  พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือฝ่ายปกครองในท้องที่ที่เกิดเหตุ

  2.  แจ้งเหตุทางโทรศัพท์  ซึ่งแบ่งเป็น  2  ลักษณะ  คือ

  –   โทรศัพท์หมายเลขฉุกเฉินโดยตรงของทางราชการ เช่น  เหตุด่วนเหตุร้าย  โทรแจ้ง 191

  –   โทรศัพท์แจ้งเหตุในรายการวิทยุต่าง ๆ ที่สามารถประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันท่วงที

  3.  แจ้งเหตุทางจดหมายไปยังสถานีตำรวจในท้องที่


  ข้อควรทราบในการแจ้งข่าวอาชญากรรมทางโทรศัพท์   เมื่อพบเห็นเหตุร้าย  อย่ามัวแต่ตกใจ   ควรระงับสติอารมณ์แล้วแจ้งเหตุแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจทันที   พยายามจดจำข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ของเหตุการณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  สิ่งสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการมากที่สุด  คือ

  1.   เหตุร้ายนั้นเป็นเหตุอะไร  เช่น  ฆ่าคนตาย  รถชนกัน   ปล้นทรัพย์  ฯลฯ

  2.   เหตุนั้นเกิดที่ไหน   ระบุสถานที่ให้ชัดเจนถูกต้อง

  3.   คนร้ายมีลักษณะอย่างไร   บอกรูปพรรณสัณฐานของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์   ถ้าเป็นยานพาหนะ  ก็ควรสังเกตว่ายานพาหนะนั้นมีป้ายทะเบียนหรือไม่  ถ้ามีเป็นหมายเลขอะไร  เหล่านี้เป็นต้น


  การติดต่อกับสถานีตำรวจทางโทรศัพท์   เป็นวิธีการที่น่าเชื่อว่าประชาชนจะสะดวก  รวดเร็วและเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด   สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงเล็งเห็นและมุ่งที่จะปรับปรุงการให้บริการรับแจ้งเหตุต่าง ๆ  ทางโทรศัพท์นี้ให้มีประสิทธิภาพยิ่ง ๆ ขึ้นไป  เท่าที่ผ่านๆ มาการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้คนในสังคมกับสถานีตำรวจทางโทรศัพท์นี้ส่วนใหญ่ก็จะได้รับการบริการเป็นที่น่าพึงพอใจ  แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ตระหนักถึงความรู้สึกของผู้คนในสังคมที่ได้ใช้วิธีการติดต่อกับสถานีตำรวจทางโทรศัพท์และพบว่า   บางครั้งประชาชนที่ใช้วิธีการแจ้งเหตุทางโทรศัพท์ก็ไม่ได้รับบริการอย่างเหมาะสม   หรือบางครั้งการบริการล่าช้ามาก   สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงมุ่งที่จะที่จะหาทางแก้ไขปัญหาแม้ว่าจะเป็นส่วนน้อยที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ทางโทรศัพท์เพื่อมุ่งที่จะทำให้วิธีการแจ้งเหตุทางโทรศัพท์นี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น   และเป็นวิธีที่ประชาชนได้เรียกใช้บริการของสถานีตำรวจได้ อย่างมั่นใจ  สะดวก  รวดเร็ว  และเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด แนวทางการแจ้งเหตุทางโทรศัพท์ใหม่นี้  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  การแจ้งเหตุของประชาชนในแต่ละครั้ง  จะได้รับการตอบสนองที่เหมาะสมในเวลาอันควรจากตำรวจผู้ให้บริการ  และเพื่อให้ประชาชนได้มีหลักประกันและเกิดความมั่นใจว่า  คำขอรับบริการที่แจ้งเหตุไปถึงตำรวจแล้ว  จะได้รับการบริการที่เหมาะสม


แจ้งเบาะแสการกระทำความผิด ขอความช่วยเหลือ สอบถามข้อมูล 

สายด่วน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599

  เป็นหมายเลขที่ให้ประชาชนได้ใช้เป็นหลักประกัน  เพื่อความมั่นใจว่า  หากไม่ได้รับความสะดวกหรือการบริการที่เหมาะสมจากผู้ปฏิบัติงานตำรวจในพื้นที่แล้ว  ก็จะสามารถแจ้งความไม่สะดวก  หรือการบริการที่ไม่เหมาะสมให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ทราบเพื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้เข้าไปตรวจสอบ  และพิจารณาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น  เพื่อพัฒนาการบริการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป
ในเบื้องต้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความกรุณาผู้ที่ต้องการจะติดต่อขอรับบริการเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อตรงไปยังสถานีตำรวจที่รับผิดชอบเขตพื้นที่ก่อน  หากไม่ได้รับความสะดวก  หรือไม่ได้รับการดำเนินการในเวลาอันควร  ขอความกรุณาติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ระดับถัดไปได้ทีละระดับ  ตั้งแต่หัวหน้าสถานีตำรวจ  ผู้บังคับการเขตหรือจังหวัด  และสุดท้ายหากยังไม่ได้รับการบริการที่เหมาะสม  ขอได้โปรดแจ้งไปยังศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เพื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้ใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาการปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  และเป็นระบบการตรวจสอบให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจอีกทางหนึ่งด้วย

  • การแจ้งข่าวอาชญากรรม

สามารถแบ่งเป็น

  1.  การแจ้งข่าวก่อนเกิดเหตุ  ช่วยกันจับตาดูแลสอดส่องพฤติกรรมของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย ดังนี้

  –  ผู้มักมีพฤติกรรมการลักเล็กขโมยน้อย  หรือลักโค กระบือ

  –  อันธพาล  นักเลง

  –  ผู้ติดยาเสพติดผิดกฎหมาย เช่น ฝิ่น กัญชา เฮโรอีน สารระเหย

  –  มือปืนรับจ้าง

  –  บุคคลแปลกหน้าที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย

  –  แหล่งซ่องสุมหรือหลบซ่อนตัวของคนร้าย  หรือรับซื้อของโจร

  –  แหล่งค้ายาเสพติด

  –  แหล่งล่อลวงหญิงค้าประเวณี  หรือทารุณกรรม

  –  แหล่งกักขัง  ใช้แรงงานเด็ก  หรือใช้แรงงานคนต่างด้าวผิดกฎหมาย

  2.  การแจ้งข่าวขณะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ

  –  แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที  หากได้พบเห็นบุคคลเป็นผู้ต้องสงสัยว่ากระทำความผิด  จดจำลักษณะ  ตำหนิรูปพรรณ   และยานพาหนะของผู้นั้น

  –  ให้ข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่อย่างละเอียด  ไม่บิดเบือน  เพื่อผลการดำเนินงานสอบสวนติดตามผลจะได้ถูกต้องแม่นยำ   รวดเร็ว 

  –  ถ้าเหตุร้ายมีผลต่อสาธารณชน  เช่น  อัคคีภัย  ควรแจ้งตำรวจดับเพลิงหรือกรณีที่พบอุบัติเหตุรถชนกัน  มีผู้ได้รับบาดเจ็บ  ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยด่วนแล้วช่วยดูแลทรัพย์สินของผู้ประสบเหตุ


  การสังเกตจดจำตำหนิลักษณะคนร้าย   จะมีประโยชน์ในการสืบสวนปราบปรามผู้กระทำผิดได้ง่ายขึ้น  ประชาชนควรศึกษาหลักการสังเกตจดจำรูปพรรณ  ดังต่อไปนี้

  1.  จดจำลักษณะใหญ่  เห็นง่าย

  2.  จดจำลักษณะเด่น  ตำหนิ

  3.  เลือกจดจำลักษณะเพียงบางอย่างที่สามรถจำได้อย่างแม่นยำ

  4.  เมื่อคนร้ายหลบหนีไป  รีบจดบันทึกทันทีตามที่เห็นจริง

  5.  มอบรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง  

  • การแจ้งความต่าง ๆ

  เมื่อประชาชนประสบเหตุเดือดร้อนไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม  หน่วยงานสำคัญที่จะเป็นที่พึ่งได้ในยามเกิดปัญหา คือ  สถานีตำรวจตามกฎหมายได้ให้สิทธิแก่ประชาชนในการร้องทุกข์หรือแจ้งความเรื่องต่างๆ  ได้อย่างเต็มที่  รวมไปถึงกำหนดหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องเอาใจใส่ต่อคำร้องทุกข์ของประชาชน  จะละเลยไม่ได้  สงสัยหรือเปล่าล่ะว่า  แจ้งความ  กับ  แจ้งเหตุ   ต่างกันอย่างไร

  การแจ้งเหตุ   คือ  เมื่อเรามีเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ ก็ควรช่วยเหลือสังคมด้วยแจ้งเหตุการณ์ที่เห็นแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ  เพื่อจะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที

  การแจ้งความ  คือ  เมื่อเรามีเรื่องทุกข์ร้อน  และนำเรื่องนั้นไปแจ้งหรือร้องทุกข์แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว  มันจะกลายเป็นคดีความระหว่างเราซึ่งเป็นผู้เสียหายกับคู่กรณี  ดังนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องเรียนรู้ถึงวิธีปฏิบัติ  รวมทั้งการเตรียมเอกสารในเรื่องที่จะแจ้งความนั้นให้พร้อม   เพื่อจะทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  1.  แจ้งความเอกสารสำคัญหาย  เช่น  ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์  จักรยานยนต์  โฉนดที่ดิน  ใบสำคัญต่างๆ ฯลฯ  มีขั้นตอนดังนี้คือ  ยื่นคำร้องแจ้งว่าเอกสารดังกล่าวหายต่อสถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุ  จากนั้นเจ้าพนักงานจะตรวจสอบว่าจริงหรือไม่  แล้วลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน  พร้อมทั้งออกหลักฐานการแจ้งความเอกสารหายเพื่อให้ท่านนำไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องสำหรับดำเนินการต่อไป

  2.  แจ้งความคนหาย  หลักฐานต่างๆ ที่ควรนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ  คือ

  –  บัตรประจำตัวผู้หาย  หรือสำเนาบัตรที่ถ่ายเก็บไว้ (ถ้ามี)

  –  สำเนาทะเบียนบ้านผู้หาย

  –  ภาพถ่ายคนหาย (เป็นภาพถ่ายปัจจุบัน)

  –  ใบสำคัญทางราชการ  เช่น  ใบเกิด  ใบสำคัญทหาร (ใบกองเกิน ใบกองหนุน) 

  3.  แจ้งความรถหรือเรือหาย  หลักฐานต่างๆ ที่ควรนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ  คือ

  –  ใบทะเบียนรถยนต์  รถจักรยานยนต์  หรือพาหนะอื่นๆ ที่หาย

  –  ใบรับเงินหรือสัญญาซื้อขายเท่าที่มี

  –  ถ้าเป็นตัวแทนห้างร้าน  บริษัท  ผู้ไปแจ้งความควรมีหนังสือมอบอำนาจจากเจ้าของหรือผู้จัดการของห้างร้าน  บริษัทนั้นๆ ไปรวมทั้งหนังสือรับรองบริษัทด้วย

  –  หนังสือคู่มือประจำรถที่ทางบริษัทห้างร้านออกให้  ถ้าไม่มีก็ให้จำสีรถ  แบบ  ยี่ห้อ  หมายเลขประจำเครื่องและตัวรถไปด้วย (ถ้ามี)

  –  หากมีภาพถ่ายรถหรือเรือที่หายให้นำไปด้วย

  4.  แจ้งความอาวุธปืนหาย  ควรเตรียมหลักฐานดังนี้

  –  ทะเบียนใบอนุญาตอาวุธปืน

  –  ใบเสร็จ รับเงินที่บริษัทห้างร้านขายปืนออกให้ ( ถ้ามี )

  –  ภาพถ่ายปืนที่หาย

  5.  แจ้งความทรัพย์สินหาย  ควรเตรียมหลักฐานดังนี้

  –  ใบเสร็จรับเงินซื้อขาย หรือหลักฐานการแสดงการซื้อขายทรัพย์สินนั้น

  –  รูปพรรณทรัพย์สิน ๆ เช่น  หมายเลขเครื่อง ฯลฯ  ( ถ้ามี )

  –  ตำหนิหรือลักษณะพิเศษต่าง ๆ

  –  ภาพถ่ายของทรัพย์สินที่หาย ( ถ้ามี )

  ในกรณีที่คนร้ายขโมยทรัพย์สินในบ้านหรือสำนักงาน ให้รักษาร่องรอยหลักฐานในที่เกิดเหตุไว้  อย่าให้ใครเข้าไปเคลื่อนย้ายหรือแตะต้องจนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาดำเนินการ

  6.  แจ้งความพรากผู้เยาว์  ผู้เยาว์ คือ ผู้ที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี หรือยังไม่บรรลุนิติภาวะ  ข้อหาพรากผู้เยาว์เป็นอย่างไร  คงจำกันได้ดีถึงกรณีพิพาทอื้อฉาวบนหน้าหนังสือพิมพ์ระหว่างนักร้องหญิงวัยรุ่นกับแม่ของเธอ  เรื่องมันก็มีอยู่ว่าสาวเจ้าล่นประกาศปาว ๆ จะอยู่กินกับแฟนหนุ่ม  แถมท้องได้ 4 เดือนเสียด้วย ทั้ง ๆ  ที่ อายุยังไม่ถึง 20 ปี เล่นเอาคุณแม่ต้องวิ่งโร่ไปแจ้งความกับตำรวจในข้อหาพรากผู้เยาว์น่ะสิ  เห็นชัดแล้วใช่มั้ยว่าการพรากผู้เยาว์เป็นอย่างไร  ใครที่เจอเหตุการณ์แบบนี้  เวลาจะขึ้นโรงพักไปแจ้งตำรวจ ก็อย่าลืมเตรียมเอกสาร ดังนี้

  –  สำเนาทะเบียนบ้านของผู้เยาว์

  –  ใบเกิดของผู้เยาว์(สูติบัตร)

  –  รูปถ่ายของผู้เยาว์

  –  ใบสำคัญอื่นๆเกี่ยวกับผู้เยาว์ (ถ้ามี)

  7. แจ้งความถูกข่มขืนกระทำชำเรา  ควรเตรียมหลักฐานดังนี้

  –  เสื้อผ้าของผู้ถูกข่มขืน ซึ่งมีรอยเปื้อนอันเกิดจากการข่มขืน และสิงของต่างๆ ของผู้ต้องหาที่ตกอยู่ในสถานทีเกิดเหตุ

  –  สำเนาทะเบียนบ้านของผู้เสียหาย

  –  รูปถ่ายหรือที่อยู่ของผู้ต้องสงสัยตลอดจนหลักฐานอื่นๆ(ถ้ามี)

  8. แจ้งความถูกทำร้ายร่างกายและเหตุฆ่าคนตาย  ดำเนินการดังนี้

  –  รักษาสถานที่เกิดเหตุไว้อย่าให้ใครเข้าไปยุ่มย่ามหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของต่างๆ ในที่เกิดเหตุจนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการ

  –  ดูแลรักษาอาวุธของคนร้ายหรือพยานหลักฐานต่างๆเพื่อส่งมอบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

  –  บอกรายละเอียดต่างๆเท่าที่สามารถบอกได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบ

  9.  แจ้งความถูกปลอมแปลงเอกสาร  นำหลักฐานต่างๆ ไปดังนี้

  –  ใบสำคัญตัวจริง เช่น โฉลด แบบ น.ส.3  หนังสือสัญญา ใบเสร็จรับเงิน ฯลฯ

  –  หนังสือปลอมแปลง

  –  ตัวอย่างตราที่ใช้ประทับหรือลายเซ็นในหนังสือ

  10. แจ้งความถูกฉ้อโกงทรัพย์  เตรียมหลักฐานดังนี้

  –  หนังสือหรือหลักฐานต่างๆ  ที่เกี่ยวกับการถูกฉ้อโกง

  –  หลักฐานแสดงการเป็นผู้ครอบครองทรัพย์

  –  หนังสือหรือหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของทรัพย์

  11. แจ้งความถูกยักยอกทรัพย์  ควรเตรียมหลักฐานดังนี้

  –  หนังสือสำคัญที่เป็นหลักฐานว่าได้มีการมอบหมายทรัพย์ให้ไปจัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง

  –  ใบสำคัญแสดงการเป็นเจ้าของ

  –  สำเนาหรือคำสั่งศาล หรือพินัยกรรมในกรณีผู้กระทำผิดเป็นผู้จัดการทรัพย์สินผู้อื่นตามคำสั่งศาลหรือพินัยกรรม

  12.  แจ้งความถูกยักยอกทรัพย์ในส่วนที่เกี่ยวกับการเช่าซื้อ  ควรเตรียมหลักฐาน ดังนี้

  –  สัญญาใบเช่าซื้อหรือสำเนา

  –  ใบสำคัญติดต่อซื้อ ขาย เช่า ยืม หรือฝาก

  –  ใบสำคัญที่บริษัทห้างร้านออกให้โดยระบุรูปพรรณ ยี่ห้อ สี ขนาด น้ำหนัก และเลขหมายประจำตัว

  13.  แจ้งความกรณีทำให้เสียทรัพย์  ควรเตรียมเอกสาร ดังนี้

  –  หลักฐานต่างๆ แสดงการเป็นเจ้าของหรือครอบครองทรัพย์นั้น

  –  หลักฐานหรือสิ่งของที่เสียหายเท่าที่มีหรือเท่าที่นำไปได้

  –  หากเป็นของใหญ่โต  หรือทรัพย์ที่ไม่สามารถพกพาติดตัวได้ให้เก็บรักษาไว้อย่าให้เกิดเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม  หรือจัดให้คนเฝ้ารักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป

  14. แจ้งความจ่ายเช็คโดยไม่มีเงิน  ควรเตรียมหลักฐานไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนี้

  –  เช็คที่ยึดไว้

  –  หนังสือที่ธนาคารแจ้งขัดข้องหรือปฏิเสธการจ่ายเงิน (ใบคืนเช็ค)

  –  หลักฐานหรือเอกสารซึ่งเป็นมูลหนี้แห่งที่มาของการจ่ายเช็ค เช่น

  1.  บิลส่งสินค้ากรณีที่มีการซื้อขายกัน, หนังสือสัญญากู้ยืมเงิน

  2.  สัญญาซื้อขาย หรือเอกสารอื่นใดที่เป็นหลักฐานแห่งมูลหนี้ของการจ่ายเช็ค

  –  สำเนาทะเบียนบ้านของผู้แจ้ง

  –  บัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้ง

  กรณีเป็นเช็คของบริษัท  หรือมีการมอบอำนาจ  จะต้องมีเอกสารเพิ่มเติมคือ

  –  หนังสือมอบอำนาจติดอากรแสตมป์ถูกต้อง

  –  สำเนาทะเบียนบ้านของผู้มอบอำนาจ

  –  สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ

–  เอกสารเกี่ยวกับตัวผู้จ่ายเช็ค (ถ้ามี) 

  • การชำระค่าปรับ

  เมื่อเราทำผิด และได้รับใบสั่งสำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ สามารถเลือกปฏิบัติในการชำระค่าปรับตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในใบสั่งของเจ้าพนักงานจราจร  ณ สถานที่และภายในวันเวลาที่ระบุไว้ในสั่งได้อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้

  ช่องทางการชำระเงินค่าปรับ

      - ชำระค่าปรับทางช่องทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT ของธนาคารกรุงไทย

- ชำระที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน
- ชำระผ่านสาขาของธนาคารกรุงไทย
- ชำระผ่านตู้ ATM ADM ธนาคารกรุงไทย
- ชำระผ่านที่ทำการไปรษณีย์ไทยทุกสาขา
- ชำระผ่านจุดรับชำระเงิน เช่น ตู้บุญเติม หรือ CenPay เป็นต้น

  ขั้นตอนการชำระค่าปรับทางไปรษณีย์

  1.  ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถต้องถ่ายเอกสารใบสั่งทั้ง 2 หน้า โดยกรอกข้อความในสำเนาใบสั่งในส่วนของ  “บันทึกของผู้ต้องหา” ให้ครบถ้วนพร้อมลงลายมือชื่อ (ใบสั่งตัวจริงเก็บไว้เป็นหลักฐาน.)

  2.  ไปที่ทำการไปรษณีย์แห่งใดก็ได้พร้อมแจ้งความจำนงว่าจะชำระค่าปรับทางไปรษณีย์

  3.  เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จะมอบใบฝากธนาณัติในประเทศและซองจดหมายจำนวน 2 ซอง เพื่อดำเนินการ ดังนี้

  –  กรอกรายละเอียดในใบฝากส่งไปรษณีย์ธนาณัติในประเทศสั่งจ่าย “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” ณ ที่ทำการไปรษณีย์ปลายทางตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง

  –  จ่าหน้าซอง  โดยซองแรกให้จ่าหน้าถึงหัวหน้าสถานีตำรวจหรือหัวหน้าหน่วยงานตำรวจที่ออกใบสั่ง  และซองที่สองให้จ่าตามชื่อที่อยู่ของผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถที่ได้กรอกไว้ในสำเนาใบสั่งส่วนของ “บันทึกผู้ต้องหา” ตามข้อ 1  เพื่อจะส่งใบเสร็จรับเงินและใบอนุญาตขับขี่(หากถูกยึด)คืนให้

  –  มอบเอกสารตามข้างต้นให้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์  พร้อมชำระค่าปรับจำนวนที่ระบุไว้ในใบสั่งและเงินค่าใช้บริการตามที่ที่ทำการไปรษณีย์เรียกเก็บ

  –  เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จะตรวจความถูกต้องและดำเนินการให้ต่อไป 

  หมายเหตุ

  1. พ.ร.บ.จราจรบนบก  พ.ศ.  2522  แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2562

  2. ข้อกำหนดกรมตำรวจเรื่องชำระค่าปรับทางไปรษณีย์และข้อกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบสำหรับความผิดตาม  พ.ร.บ.จราจรทางบก  พ.ศ. 2522  พ.ศ.2539  แก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อกำหนดกรมตำรวจ เรื่อง การชำระค่าปรับทางไปรษณีย์ฯ   ( ฉบับที่ 3 )  พ.ศ.2540 

  • กิจธุระที่ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ตำรวจ

  1. การขออนุญาตแสดงมหรสพชั่วคราว

  –   ต้องมีหนังสือยินยอมจากเจ้าของสถานที่

  –   ต้องขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงด้วย ( ถ้ามี )

  –   เลิกแสดงมหรสพเวลา  24.00 น.

  –   สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร จะต้องยื่นคำร้องต่อผู้กำกับหรือรองผู้กำกับสถานีตำรวจท้องที่เป็นผู้พิจารณาอนุญาต

  –   ส่วนต่างจังหวัด จะต้องย่นคำร้องต่อนายอำเภอท้องที่ และเมื่อนายอำเภออนุญาตแล้วจะต้องแจ้งให้ตำรวจท้องที่ทราบ 

  2. การขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียง

  –   ในกรุงเทพมหานคร ต้องยื่นคำร้องต่อผู้อำนวยการเขต

  –   ในต่างจังหวัดต้องยื่นคำร้องต่อนายอำเภอท้องที่ แล้วนำคำร้องมายื่นต่อผู้กำกับหรือรองผู้กำกับท้องที่เพื่อลงความเห็นแล้วส่งกลับไปยังเขตหรืออำเภอเพื่อพิจารณาอนุญาตต่อไป 

  3.  การขออนุญาตจุดดอกไม้เพลิง

  –   ในเขตกรุงเทพมหานคร  ต้องยื่นคำร้องที่สถานีตำรวจท้องที่เพื่อเสนอเรื่องให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้อนุญาต

  –   ในต่างจังหวัดให้ยื่นคำร้องต่อนายอำเภอท้องที่ 

  4.  การขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน  สามารถยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนท้องที่ ดังนี้

  1.  กรุงเทพ : ยื่นต่อผู้บังคับการกองทะเบียน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ลาดพร้าว )

  2.  ต่างจังหวัด : ยื่นต่อนายอำเภอหรือปลัดอำเภอ

  หลักฐานสำหรับการประกอบพิจารณา ที่ต้องนำไปมีดังนี้

  1.  บัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวพร้อมสำเนา

  2.  สำเนาทะเบียนบ้าน

  3.  หลักทรัพย์ หลักฐานการประกอบอาชีพและรายได้

  4.  หนังสือรับรองความเหมาะสม เหตุผล ความจำเป็น นิสัยใจคอ ดังนี้

  –  ถ้าเป็นราษฎรทั่วไป ต้องนำพยานบุคคลที่เชื่อถือได้ไปให้คำรับรองเกี่ยวกับความประพฤติและหลักฐานของผู้ขออนุญาตด้วย

  –  ถ้าเป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้าง ต้องให้ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ชั้นหัวหน้ากองหรือเทียบเท่าหรือผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด หรือผู้บังคับกองพันทหาร รับรองความประพฤติและตำแหน่งหน้าที่การงาน

  –  ถ้าเคยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน  ให้นำใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ไปแสดงด้วย 

  5.  การขออนุญาตพกพาอาวุธปืนติดตัว  สามารถยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนท้องที่ ดังนี้

  1.  ยื่นต่อผู้บังคับการกองทะเบียน  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  (ลาดพร้าว) สำหรับผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ

  2.  ยื่นต่อนายอำเภอ  หรือปลัดอำเภอ สำหรับผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด 

  คุณสมบัติของผู้ขออนุญาตพกพาอาวุธปืนติดตัว

  1.  เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนอยู่แล้ว

  2.  เป็นบุคคลประเภทใดประเภทหนึ่ง ดังต่อไปนี้

  –  เจ้าพนักงานซึ่งทำหน้าที่ควบคุมทรัพย์สินของรัฐบาล

  –  ข้าราชการ  พนักงาน  หรือพนักงานองค์กรรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีหน้าที่ในการปราบปราม หรือการปฏิบัติงานที่เป็นการฝ่าอันตรายหรือเขตทุรกันดาร

  –  บุคคลซึ่งได้ทำประโยชน์อย่างมากให้แก่ทางราชการในการจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย

  –  บุคคลที่มีความจำเป็นต้องมีอาวุธปืนติดตัว  เพื่อป้องกันอันตรายจากการประทุษร้าย

  –  บุคคลที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเห็นสมควรอนุญาต 

  หลักฐานการขออนุญาต

  1.  สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการเจ้าพนักงานหรือพนักงานองค์การรัฐวิสาหกิจ หรือบัตรประจำตัวประชาชน

  2.  สำเนาใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4)

  3.  สำเนาทะเบียนบ้าน  โดยที่อยู่ของผู้ขออนุญาตที่ระบุไว้ในทะเบียนบ้านจะต้องตรงกับที่อยู่ในแบบ ป.4

  4.  ภาพถ่ายของผู้ขออนุญาต ขนาด 3 นิ้ว จำนวน 2 รูป โดยถ่ายหน้าต่างแต่งเครื่องแบบ

  5.  กรณีผู้ขอเป็นข้าราชการ เจ้าพนักงาน หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องมีหนังสือรับรองจากผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดว่าเป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อยมีเหตุผลและความจำเป็นสมควรได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนติดตัวได้

  6.  กรณีที่ผู้ขอทำงานอยู่ในธุรกิจเอกชน  จะต้องมีหนังสือรับรองจากเจ้าของหนังสือผู้จัดการธุรกิจนั้นๆ ว่าผู้ขอเป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย มีเหตุผลและความจำเป็นสมควรได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนติดตัวได้ 

  6.  การขอรับโอนมรดกอาวุธปืน  ปฏิบัติเช่นเดียวกับการขออนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน หากต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้

  1.  ใบมรณะบัตรของผู้ตาย

  2.  หนังสือพินัยกรรมของผู้ตาย หรือคำสั่งศาลให้เป็นผู้จัดการมรดก (ถ้ามี)

  3.  ต้องแจ้งขอรับการโอนภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับมรดก 

  7.  การขออนุญาตเล่นการพนันประเภทต่างๆ ควรนำหลักฐานเอกสารดังต่อไปนี้แสดงต่อเจ้าหน้าที่

  1.  บัตรประจำตัวประชาชน

  2.  ทะเบียนบ้าน ฉบับเจ้าบ้าน

  3.  หนังสือมอบอำนาจ พร้อมทั้งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ  ในกรณีที่ผู้ขอมิได้ยื่นคำขอใบอนุญาตด้วยตนเอง

  4.  โครงการหรืองานที่จะจัดให้มีการเล่นการพนัน (ถ้ามี)

  –   สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร  ต้องยื่นคำขออนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนันพร้อมเอกสารดังกล่าวต่อนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรประจำท้องที่ซึ่งดำรงตำแหน่งสารวัตรขึ้นไป  

  –   ส่วนในเขตต่างจังหวัดนั้นให้ยื่นต่อนายอำเภอท้องที่หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอ 

  8.  การขออนุญาตเยี่ยมผู้ต้องหาบนสถานีตำรวจ

  –  พบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่ควบคุมผู้ต้องหาบนสถานีตำรวจ

  –  แจ้งชื่อผู้ต้องหาที่ต้องการเยี่ยม

  –  หลังได้รับอนุญาต ให้เข้าเยี่ยมผู้ต้องหาได้ตามระเบียบที่กำหนด คือ

  เวลา   08.00 – 09.00  น.

  เวลา   12.00 – 13.00  น.

  เวลา   16.00 – 17.00  น.

  –  อาหารของเยี่ยมของฝากผู้ต้องหา  ต้องได้รับการตรวจจากเจ้าหน้าที่ก่อนเสมอ 

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา
80  ถนนสุรศักดิ์  แขวงสีลม เขตบางรัก  กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์  02 233 7148-9
โทรสาร  02 233 7277
E-mail : yannava.polis@gmail.com
Facebook Fanpage :
สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา

Google Sites
Report abuse
Page details
Page updated
Google Sites
Report abuse